Superman การกลับมาของซูเปอร์ฮีโร่ผู้เป็นตำนาน พร้อมพลังใจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ประเภทภาพยนตร์: แอคชั่น / ผจญภัย / ไซไฟ
กำหนดฉายในไทย: 10 กรกฎาคม 2025
เรื่องย่อ ซูเปอร์แมนฉบับใหม่ กับภารกิจเชื่อมใจมนุษย์และเทพ
หลังจากห่างหายจากจอเงินไปนาน ในปี 2025 ซูเปอร์แมนกลับมาอีกครั้งในเวอร์ชันรีบูตใหม่ภายใต้การดูแลของ James Gunn ที่มาพร้อมกับแนวคิดสดใหม่และการตีความตัวละครคลาสสิกอย่างลึกซึ้งกว่าเดิม
เรื่องราวของ Superman (2025) เล่าเรื่องของ Clark Kent / Kal-El ในวัยหนุ่มที่ต้องพยายามหาจุดสมดุลระหว่างบทบาทของเขาในฐานะมนุษย์ธรรมดาผู้เติบโตมาใน Smallville กับโชคชะตาในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ผู้เป็นความหวังของโลก
เมื่อโลกต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากนอกโลกที่ลึกลับและทรงพลัง ซูเปอร์แมนจึงต้องเลือกระหว่างการรักษาความสงบสุขของโลก กับการรักษาจิตวิญญาณของตนเองให้คงอยู่ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งมวลมนุษย์และเหล่าฮีโร่ร่วมจักรวาล
หนังพาเราเข้าไปสำรวจมุมมองใหม่ของฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้มีแค่พลังมหาศาล แต่ยังมีหัวใจที่เต็มไปด้วยความสับสน ความกลัว และการเติบโตทางจิตใจ
Superman ที่ไม่ใช่แค่ “เทพ” แต่เป็น “มนุษย์” จริง ๆ
หนึ่งในจุดเด่นของ ซูเปอร์แมน เวอร์ชั่น 2025 คือการเปลี่ยนโทนจากซูเปอร์ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน มาเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่บังเอิญมีพลังระดับจักรวาล ซึ่งแนวทางนี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดกับตัวละครมากขึ้น
ผู้กำกับ James Gunn เลือกใช้การเล่าเรื่องที่เน้นอารมณ์และการพัฒนาตัวละครมากกว่าแอคชั่นตู้มต้าม (แต่ก็ยังมีฉากบู๊ให้ลุ้นตลอด) เขาพาเราย้อนดูจุดกำเนิดของซูเปอร์แมนอย่างเข้าใจง่าย ไม่ต้องเป็นแฟนคอมิกก็สามารถอินไปกับเรื่องราวได้ทันที
ในแง่ภาพยนตร์ Gunn ยังคงใส่สไตล์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ขันแทรกเป็นระยะ ดนตรีประกอบที่จับใจ หรือการสร้างบรรยากาศไซไฟสุดเท่ แต่สิ่งที่ดีที่สุดของหนังคือการกล้าที่จะนำเสนอซูเปอร์แมนในแบบที่ “เปราะบางแต่เข้มแข็ง” ไปพร้อมกัน
หนังไม่ได้พยายามขายแต่ภาพลักษณ์ฮีโร่เท่ ๆ แต่ตั้งคำถามถึงหน้าที่ ความหมายของ “การช่วยโลก” และการเป็น “ความหวัง” ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความขัดแย้ง
David Corenswet กับบทซูเปอร์แมนที่ไม่ใช่แค่หล่อ แต่ลึก
David Corenswet คือผู้มารับบทเป็น ซูเปอร์แมน คนใหม่ในเวอร์ชันปี 2025 และเขาได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่ว่าเหมาะสมกับผ้าคลุมสีแดงผืนนี้จริง ๆ
Corenswet ถ่ายทอดบทบาท Kal-El ออกมาได้อย่างลงตัว ทั้งด้านความอ่อนโยน ความขัดแย้งภายในใจ และความกล้าหาญในเวลาคับขัน เขามีเสน่ห์ในแบบของ Christopher Reeve แต่ก็มีพลังดราม่าในแบบของตัวเอง ไม่เลียนแบบใคร
สิ่งที่น่าชื่นชมคือการแสดงทางอารมณ์ของเขา โดยเฉพาะฉากที่ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสีย ความไม่เข้าใจจากมนุษย์ และการต้องยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ แม้ไม่มีใครยืนอยู่ข้างเขาก็ตาม
เคมีระหว่างเขากับนักแสดงสมทบ เช่น Rachel Brosnahan ที่รับบท Lois Lane ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ทั้งน่ารัก เฉียบแหลม และเต็มไปด้วยพลังของหญิงสาวยุคใหม่
ตัวละครอื่น ๆ ที่น่าจับตา
- Lex Luthor ตัวร้ายสุดคลาสสิกที่กลับมาอีกครั้งในแบบที่มีมิติ ไม่ได้ร้ายแบบแบน ๆ แต่มีเป้าหมายและแรงจูงใจชัดเจน (รับบทโดย Nicholas Hoult)
- Jimmy Olsen เพื่อนนักข่าวจอมกวนผู้เป็นสีสันของเรื่อง
- The Authority กลุ่มฮีโร่ที่อาจโผล่มาเชื่อมกับโปรเจกต์อื่นของ DC Universe ในอนาคต
Superman เวอร์ชันใหม่นี้เหมาะกับใคร
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่สำหรับแฟนซูเปอร์แมนเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับคนที่ชอบหนังฮีโร่ที่มีเนื้อหาลึกซึ้ง ชวนคิด และมีความเป็นมนุษย์มากกว่าแค่การต่อสู้
ถ้าคุณเคยชอบ The Batman (2022) ของ Robert Pattinson ที่นำเสนอฮีโร่ในมุมที่แตกต่าง นี่คือหนังอีกเรื่องที่คุณไม่ควรพลาด
บทสรุป ซูเปอร์แมนที่กลับมาพร้อมหัวใจ ไม่ใช่แค่พลัง
Superman (2025) คือการรีบูตที่ทั้งเคารพต้นฉบับและกล้านำเสนอสิ่งใหม่ หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่พาซูเปอร์แมนกลับมาในยุคใหม่ แต่ยังพาแนวคิด “ความหวัง” และ “ความดี” กลับมาสู่หน้าจอในช่วงเวลาที่โลกจริง ๆ ก็กำลังต้องการฮีโร่
ถ้าคุณกำลังมองหาหนังที่ทั้งมันส์ ซึ้ง และมีอะไรให้คิดตาม “ซูเปอร์แมน 2025” คือคำตอบที่ใช่แน่นอน
เตรียมตัวพบกับการโบยบินครั้งใหม่ของชายผู้มากับโลโก้ตัว S ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ